วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2559

มาวัดพระธรรมกายแล้วชีวิตดีขึ้นอย่างไร



ตลอดระยะเวลา 30 ปี ที่ได้รู้จัก "วัดพระธรรมกาย"

ชีวิตผมได้พบเจอเเต่สิ่งที่ดีๆเข้ามาสู่ชีวิต

ได้พบเจอเเต่คำสอนที่ดีที่จะพาชีวิตของเราให้ปลอดภัย ดำเนินไปอย่างถูกต้องทั้งโลกนี้ เเละในโลกหน้า

ได้พบเจอครูบาอาจารย์ที่เป็นต้นเเบบที่ผมหาไม่ได้อีกเเล้ว ตั้งเเต่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว คุณยายฯอาจารย์ เเละพระมหาเถรานุเถระในวัด สามเณร อุบาสกอุบาสิกาที่อุทิศชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนา






ได้พบกัลยาณมิตรที่ดี มีความปรารถนาดีให้กับเราจริงๆ ไม่ fake จริงใจต่อเรา นำสิ่งดีๆมาสู่เรา



ที่สำคัญ  ได้นำพาคุณพ่อคุณเเม่ให้รู้จักเส้นทางชีวิตอันประเสริฐ คุณพ่อท่านเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเเห่งหนึ่ง การที่จะเเนะนำธรรมะคำสอนที่ดีๆให้ท่านนั้น ยากมาก เเต่ก็พอสู้

ได้ทำให้ท่านเห็นว่ามาวัดเเล้ววัดดีอย่างไร วัดเปลี่ยนตัวเราได้อย่างไร ทำหน้าที่นี้กว่าจะเปิดใจท่านได้ 7 ปี นานเเต่ก็คุ้ม เพราะท่านขยายต่อให้นักเรียน พานักเรียนนั่งสมาธิทั้งโรงเรียนตามเสียงของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ

ท่านมาทำบุญเป็นประจำ รักษาศีลได้อย่างดี  นั่งสมาธิสวดมนต์ทุกวันไม่ขาด พร้อมทั้งมีผลการปฏิบัติธรรมที่ดีถึงดีมาก

ท่านสามารถเข้าใจเรื่องกฏเเห่งกรรม ฟังธรรมะจากโรงเรียนอนุบาลฯเป็นประจำ

ในชีวิตของลูกคนหนึ่ง  จะมีอะไรดีเท่า สามารถพา"คุณพ่อคุณเเม่"ให้มาเข้าใจความเป็นจริงของชีวิต ที่จะพาท่านไปสู่หนทางชีวิตที่ดีที่ประเสริฐ หนทางที่นำท่านไปสู่หนทางสวรรค์หนทางพระนิพพาน





ไม่เพียงเท่านั้น "คุณพ่อ"ท่านยังได้มาบวชในโครงการของวัดหลายโครงการ ไม่บวชเพียงลำพัง ยังทำหน้าที่ชวนสหธรรมิกมาบวชด้วยครับ

กราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อ คุณยายฯที่ได้เมตตาสร้างวัดพระธรรมกาย

กราบขอบพระคุณครับ

ลูกหลวงพ่อ
11 มีนาคม พ.ศ.2559


หมายเหตุ หากอยากรู้ว่ามา "วัดพระธรรมกาย" เเล้วชีวิตดีขึ้นอย่างไร มาวัดเลยครับ อย่าช้า อย่าลังเล
"เอหิปัสสิ
โก"
come and see

ขอเชิญมาพิสูจน์ด้วยใจที่เป็นธรรมครับ




วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559

บุญที่....ปลื้มที่สุด



ตั้งเเต่ได้เข้าวัดพระธรรมกายมา

ผมได้ทำบุญหลายๆบุญ ทั้งวัดใกล้บ้าน(ใกล้ที่ทำงาน ใกล้ที่เรียน)เเละวัดพระธรรมกาย


เเต่บุญที่ผมคิดว่าจะปลื้มไม่รู้ลืมเลยในชีวิตคือ


"บุญสร้างมหาธรรมกายเจดีย์"


ขณะที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ท่านมีดำริให้สร้าง ผมทราบข่าวในปี พ.ศ.2537


ขณะนั้นยังเป็นนักศึกษาอยู่ กำลังทรัพย์ก็น้อยเเต่ได้ร่วมสร้าง เพราะท่านเมตตาให้ค่อยๆรวบรวมมาทำได้


การที่ท่านเมตตาให้ทำอย่างนี้ได้ทำให้ผมยิ่งดีใจ เพราะเราไม่มีกำลังมากเเต่อยากทำเเละไม่อยากเป็นหนี้ใคร จึงเป็นการเปิดโอกาสให้เราที่เบี้ยน้อยสามารถทำได้


เเต่คนที่ไม่ยอมจะอยากเข้าใจ กลับโพนทะนา กล่าวร้ายท่านว่า "ผ่อนส่งบุญ"บ้าง "พุทธพาณิชย์"บ้าง



โอ้ คนเหล่านั้นเคยทำบุญไหมหนอ?  เขาเคยรู้สึกปลื้มใจเวลาทำทาน "ตัดความตระหนี่" ออกจากใจไหมหนอ?  ถึงมากล่าวร้ายท่านเเละกล่าวร้ายวัดอย่างนี้


ในที่สุดเมื่อทำงานผมจึงค่อยๆทำบุญสะสมเป็นประจำทุกเดือน สร้างได้ครบเต็มองค์เเละหลายองค์






กระทั่งในปี พ.ศ.2542 ในท่ามกลางสื่อทุกเเขนงรุมโจมตีว่าร้ายพระเดชพระคุณหลวงพ่อเเละ กล่าวร้ายวัด  ผมได้ตัดสินใจมาบวชเพื่อหวังว่าจะได้ช่วยงานท่านได้บ้าง

เเละการตัดสินใจในครั้งนั้นถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด


เพราะในครั้งนั้นวัดถูกโจมตีหนักมาก  เเละ จำเป็นต้องหล่อองค์พระประจำตัวเพื่อประดิษฐาน ณ มหาธรรมกายเจดีย์ประดิษฐานที่ภายนอกให้ครบทุกองค์ในปลายปี


เเต่ปรากฏว่าไม่มีโรงงานใดที่จะสามารถทำให้เสร็จทันได้


สุดท้ายก็ต้องอาศัยกำลังของพระภิกษุเเละสามเณรภายในวัด only ช่วยกันรับบุญหล่อองค์พระ เเละประดิษฐานองค์พระ ณ มหาธรรมกายเจดีย์


ผมเเละเพื่อนสหธรรมิก ร้อยกว่ารูปช่วยกันรับบุญกันทั้งวันทั้งคืนครับ


เราทำกันเเทบจะทุกขั้นตอน ตั้งเเต่ทำเเบบ เทน้ำโลหะที่ร้อนมาก 800-1200  ํC ลงในเบ้าหล่อองค์พระ ที่หลายครั้งน้ำโลหะนั้นกระเด็นมาโดนรองเท้าพลาสติกหนาๆ รองเท้านั้นละลายในพริบตา หลายรูปโดนน้ำโลหะเข้าที่ผิวหนังก็ได้เเผลกันมา  เเม้ปัจจุบันก็เป็นร่องรอยให้เห็นด้วยความปลื้มใจ


เเม้ขณะเทน้ำโลหะนั้น จะเสี่ยง  เเต่พระทุกรูปล้วนปีติยินดีที่จะรับบุญ ตั้งใจรับบุญกันทั้งวันเเละทั้งคืน ไม่มีค่าจ้างใดๆนะครับ ตรงนี้ต้องบอกไว้ เพราะหลายคนว่าร้ายพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านว่า เพราะมีเงินให้พระ ให้สามเณร วัดพระธรรมกายถึงมีพระเเละสามเณรอยู่กันมาก  ขอบอกเลยนะครับ ไม่มีเลย

ท่านอยู่เพราะเคารพรักศรัทธาเลื่อมใสในพระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ



ทุกขั้นตอนในการหล่อองค์พระธรรมกายประจำตัว ละเอียดประณีตเป็นที่สุดครับ


เพราะเรารับบุญกัน "ทั้งวันเเละทั้งคืน" เราจึงมีเวลาได้พักกันเพียงเล็กน้อย ในช่วงสายของวันหลังจากฉันเช้า เพียง 3 ชั่วโมง


ช่วงบ่ายเราก็ไปรับบุญกันด้วยความปีติใจจนถึงเวลาสว่าง เป็นเช่นนี้ประมาณ 3-4 เดือน


ด้วยเพราะรับบุญยาวนานต่อเนื่อง พอดึกๆ เช่นเวลา ตี 2 ตี 3 จึงมีบางรูปเผลอหลับไปทั้งๆที่กำลังนั่งขัดองค์พระบ้าง    บางรูปรับบุญใช้ทรายละเอียดพ่นรอบๆองค์พระเพื่อให้เนื้อโลหะ ผิวขององค์พระเนียนละเอียดสวยงาม กำลังรับบุญไป รู้ตัวอีกทีท่านก็ตกออกมาจากถังทรายเเล้ว


ซึ่งเหล่านี้ทุกรูปไม่ได้มองว่าเป็นความลำบาก   เเต่มองว่าเป็นบุญที่จะได้สถาปนามหาธรรมกายเจดีย์  ที่จะมีผู้มีบุญหลายล้านคน
มากราบไหว้กันได้ยาวนานนับพันปี



เเม้พระเรารับบุญกันขนาดนี้  เเต่ยังมีสื่อมาเเอบส่องเเละถ่ายไปออกอากาศ  เเละให้ร้ายวัดว่า วัดใช้ "เเรงงานเถื่อน" คิดกันไปได้



เมื่อเกิดเหตุที่สื่อว่าร้าย ทีมงานจึงต้องรับบุญกันด้วยความระมัดระวังกันเพิ่มขึ้น  ไปรับบุญกันด้วยความเงียบสงบ  พยายามพูดคุยกันให้น้อยที่สุด





ตลอดระยะเวลา หลายเดือนที่ได้รับบุญทั้งวันทั้งคืนจึงทำให้


"เมื่อนึกถึงบุญนี้คราวไหนก็ปลื้มใจทุกครั้ง"



ยิ่งเมื่อมีผู้มีบุญมากราบไหว้มหาธรรมกายเจดีย์ ที่ผมเเละเพื่อนสหธรรมิกที่เป็นเพียง "ส่วนเล็กๆ" ได้ "ทุ่มชีวิตเป็นเดิมพัน" สร้างขึ้นมา  เราต่างปลื้มใจกันทุกคราว





ผมจะไม่สามารถมีวันที่จะ "ปลื้มใจ" อย่างต่อเนื่องอย่างนี้ได้  ถ้าไม่มี "พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย"


ผมเเละเพื่อนๆ จะไม่มี "ความสุขใจ" เช่นนี้  หากไม่มี "วัดพระธรรมกาย"


ผมเเละสาธุชนทั้งหลาย  จะไม่สามารถเข้าถึงความสุขภายในได้อย่างเช่นทุกวัน  หากไม่มี "พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย"


กราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง


ลูกหลวงพ่อครับ

10 มีนาคม พ.ศ.2559

หมายเหตุ ใครว่าบวชพระเเล้วสบาย ก็ขอเชิญลองบวชดูนะครับ
โดยเฉพาะวัดพระธรรมกาย  มีบุญให้คุณรับมหาศาล


วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559

วัดพระธรรมกายที่ฉันรู้จัก






ผมได้เริ่มรู้จักกับวัดพระธรรมกาย เมื่อปี พ.ศ.2529 จากวารสารชื่อ "กัลยาณมิตร"

ภาพจากนิตยสารในยุคที่ Photoshop ยังไม่ปรากฏ ไม่เฟื่องฟูอย่างปัจจุบัน

ภาพที่ได้เห็นทำให้ใจของเด็กน้อยคนหนึ่งอยากไปวัดมากครับ เพราะภาพที่ดูสะอาดของบริเวณวัดน่าเข้า  ไม่เหมือนกับหลายๆที่

ที่สำคัญภาพของ "หลวงพ่อธัมมชโย" เจ้าอาวาสที่อยู่หน้าปก โดนใจอย่างจัง  กระทั่งเด็กคนนั้นบอกตนเองว่า ต้องไปวัดนี้ให้ได้  ท่านน่าเลื่อมใส

ไม่เพียงเเต่ชอบที่ภาพความสะอาดเรียบร้อยของวัดเท่านั้น  เเม้เป็นเพียงเด็กตัวน้อยๆ พอเห็นภาพที่สวยงามไร้ Photoshop นั้นก็เริ่มมีเเรงบันดาลใจที่จะอ่านข้อความในวารสารเล่มนั้น  นั่นเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ผมได้อ่านหนังสือธรรมะ

ต่อมาไม่นานคุณครูประจำห้องได้ไปบวชที่ "วัดพระธรรมกาย" ท่านก็นำสิ่งที่ดีๆมาสอนนักเรียนเช่นผม  ไม่เพียงเเต่สอน  เเต่ท่านเป็นครูต้นเเบบ ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่เลย ยิ่งทำให้ผมเลื่อมใสในวัด

ไม่เพียงเท่านั้นคุณครูท่านยังเมตตาเปิดหนทางสว่างให้เเก่นักเรียนด้วยการให้นักเรียนได้นั่งสมาธิเเละออกไปเล่าธรรมะให้เพื่อนๆฟังหน้าชั้น คนละเรื่องผลัดกัน โดยให้ไปศึกษาจากหนังสือ "มงคลชีวิต"

นี่ขนาดยังไม่ได้ไปวัดพระธรรมกาย  เเต่สิ่งที่ดีๆเหล่านี้ยังตามมาช่วยให้ผมเเละเพื่อนๆสอนตัวเองได้ ให้ห่างไกลจากสิ่งไม่ดี

ต่อมาได้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย เข้าเรียนในคณะ"เภสัชศาสตร์" ที่มีการสอบ สอบ สอบ เเทบจะทุกวัน เครียด เบื่อ กลุ้มรุมเร้ามหาศาล

ได้มีพี่ๆจากชุมนุมพุทธธรรมมาชวนถึงห้องพักว่า ไป "วัดพระธรรมกาย" กันไหม

เลยนึกถึงความตั้งใจยามเมื่ออยู่ม.ต้นว่า เราต้องไปวัดนี้ให้ได้

ได้มาวัดสมใจเมื่อ ปี พ.ศ.2534





มาถึงวัด มาสัมผัสวัด มาเรียนรู้ ยิ่งทำให้ถูกใจ ว่าสิ่งเดิมที่เคยประทับใจ สิ่งดีๆที่เคยได้เรียนรู้จากวัด

ยิ่งมาสัมผัส ก็ยิ่งถูกใจ










คำถามเกิดขึ้นในใจหลังจากมาที่วัดเเล้วว่า "เรามัวไปทำอะไรอยู่ที่ไหนที่ผ่านมา ทำไมเราถึงมาวัดช้าขนาดนี้"
จากนั้นจึงได้เรียนรู้เเต่สิ่งที่ดีที่ไม่มีสอนจากที่ไหน นอกจาก "วัดพระธรรมกาย"





ดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ตัดสินใจมา "วัดพระธรรมกาย"

สุขใจทุกครั้งที่ได้มา "วัดพระธรรมกาย"

ปลื้มใจทุกครั้งที่ได้ฟังคำสอน "คุณยายฯ"

ปลื้มล้นใจทับทวีทุกครั้งที่ได้ฟังคำสอนของ "พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยเเห่งวัดพระธรรมกาย"

"วัดพระธรรมกาย" ให้เเต่สิ่งดีๆกับผมมาตลอด

กราบขอบพระคุณหลวงพ่อ คุณยายฯ เเละทุกท่านๆที่ได้เมตตาสร้าง "วัดพระธรรมกาย"






วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2559

หลวงพ่อธัมมชโย ให้อะไรแก่ฉัน



ตั้งเเต่ได้รู้จัก หลวงพ่อธัมมชโย ผ่านหนังสือตั้งเเต่ปี พ.ศ.2529 ขณะเรียน ม.ต้นที่ต่างจังหวัด


มีคำตอบให้กับตนเองว่าสักวันต้องไปกราบท่านให้ได้


สมหวังเมื่อปี พ.ศ.2534 เมื่อได้พบท่าน ณ ศาลาโล่งๆที่ทางวัดเรียกว่า "ศาลาดุสิต"


ท่านเป็นพระที่น่าเลื่อมใสศรัทธา สงบ สำรวม นุ่งห่มเรียบร้อย สมถะ ที่สำคัญหากได้พบท่านท่านเพียรเเต่จะสอนเเนะนำให้ผู้ได้พบ ให้มีความรักในการนั่งสมาธิ ซึ่งเป็นบุญอันยิ่งใหญ่ ตามอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


ท่านมีเเต่คำสอนดีๆที่นำไปทำได้จริงกับชีวิต ทำตามเเล้วชีวิตมีความสุข  ไม่ใช่คำสอนที่ดูดีเเต่เอาไปใช้จริงไม่ได้


ท่านเเนะนำคำสอนที่ยากให้เข้าใจได้ง่าย  สอนเรื่องที่ถูกที่ผิด อะไรควรหรืออะไรไม่ควร


สอนในเรื่องที่ในโลกไม่มีใครสอน ตั้งเเต่ตื่นนอนควรทำตัวอย่างไรเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับเรา ให้ได้บุญมากที่สุด กระทั่งเข้านอนจะนอนอย่างไร


ท่านเมตตาสอนเรื่องยากๆเช่น นรก สวรรค์ กฏเเห่งกรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่มีในพระไตรปิฎก  เเต่เคยไปอ่านเเล้วยากเเก่การเข้าใจในบางส่วนเเต่ท่านนำมาอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายมาก


ไม่มีพระรูปไหนในโลกอีกเเล้วที่จะเทศน์สอนได้มากอย่างท่าน เทศน์ทุกวันเป็นเวลา สิบกว่าปี เพียงหวังให้ชาวโลกได้พ้นทุกข์พบสุขที่เเท้จริง


เเม้จะมีคนใส่ร้ายท่านมาตั้งเเต่เริ่มสร้างวัดกระทั่งปัจจุบัน ตลอดระยะเวลากว่า 47 ปี ท่านไม่ได้เคยย่อท้อ ไม่มีมาตำหนิติเตียนคนเหล่านั้นเลย  มีเเต่คำที่บอกว่า เป็นเพราะเราไม่อธิบายความจริงให้เขารู้เท่านั้น


จะมีคนในโลกสักกี่คนที่โดนสื่อทุกเเขนงว่าร้าย กล่าวร้ายเเล้วยังคิดบวกได้ถึงเพียงนี้


ถ้าเราโดนคนใส่ร้าย สัก เดือน เราจะทนได้ไหม


เเต่ท่านตลอดระยะเวลา 47 ปี ท่านยังไม่ย่อท้อ  มีเเต่มุ่งสร้างความดีอย่างไม่ยอมถอยหลังกลับ


กราบเเทบเท้าพระเดชพระคุณหลวงพ่อด้วยความเคารพยิ่งครับ


ลูกหลวงพ่อคนหนึ่งครับ


4 มีนาคม พ.ศ.2559